ประตู หัวใจของฮวงจุ้ย

news_img_102449_1

ในทางธุรกิจ “ประตู” เป็นประการด่านแรกที่บ่งบอกถึงความสำเร็จได้ ถ้าลองสังเกตุกันดี ประตูจะมีหลักการในการติดตั้งและตกแต่ง เพื่อสร้างความสำเร็จแก่เจ้าของสินค้า หรือ สถานที่นั้นๆ

สิ่งแรกคือตำแหน่งของประตู เราอาจจะเคยได้ยินคำว่าประตูเสือ ประตูมังกร หลายๆ คนอาจจะไม่เข้าใจ เอาเป็นว่าหลักการง่ายๆ สังเกตดังนี้

มองตรงไปถ้าซ้ายมือ คือ “ประตูเสือ” ขวามือ คือ “ประตูมังกร”

ถ้าในฮวงจุ้ยมักบอกว่าประตูมังกรดีว่าประตูเสือ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ประตูทั้งสองมีค่าเท่ากันอยู่ที่จะเลือกใช้งานประตูมังกร หมายถึง ประตูที่ต้องการการเคลื่อนไหว เหมาะสำหรับร้านค้าประเภท ต้องการให้ลูกค้าเข้าออกตลอดเวลา เช่น ร้านโชว์ห่วย ร้านขายอาหาร ร้านหนังสือ ธนาคาร ร้านขายยา  ยิ่งต้องการความคึกคักยิ่งต้องเปิดประตูมังกร

ประตูเสือ หมายถึงความนิ่งเฉย เหมาะสำหรับร้านค้าหรือธุรกิจประเภทที่ต้องการให้ลูกค้าอยู่ในร้านนานๆ เช่น ร้านนวด ธุรกิจขายประกัน ร้านขายของอัญมณี  โชว์รูมขายบ้าน โชว์รูมขายรถ ถ้าอยากให้ลูกค้านั่งนานๆ ควรจะเปิดประตูเสือต้อนรับไว้

สาเหตุของการใช้ประตูเสือและมังกร มีการอธิบายทางจิตวิทยาว่า ประตูที่อยู่ทางขวา เป็นประตูที่มนุษย์คุ้นเคยมากที่สุด เพราะมนุษย์ถนัดมือข้างขวามากกว่ามือทางซ้าย

ส่วนประตูทางด้านซ้าย แม้ว่ามนุษย์จะไม่ถนัดซ้าย แต่มนุษย์จะคุ้นเคยกับการเดินทางชิดซ้าย ไม่ว่าจะเป็นทางเท้าหรือทางถนน ทำให้รู้สึกปลอดภัยกว่า สามารถอยู่ในสถานที่นั้นๆ ได้นานกว่า

ส่วนประตูที่อยู่ตรงกลาง เรียกว่า “ประตูเอก” เป็นประตูออกแบบให้ใช้งานกับพื้นที่ค่อนข้างลำบาก เพราะเมื่อวางประตูอยู่ตรงกลางจะทำให้จัดสรรพื้นที่ใช้สอยได้ยาก สถานที่นั้นต้องเป็นที่ๆ ไม่ใหญ่เกินไป และ ไม่เล็กเกินไป เช่น คอนวิเนียนสโตร์ขนาดกลาง แต่ถ้าเป็นคอนวิเนียนที่มีขนาดใหญ่ จะนิยมมี 2 ประตู เพราะผู้ออกแบบคำนึงถึงการเข้าออกอย่างสะดวกสบาย และใกล้ที่จอดรถของลูกค้าเป็นหลัก

ส่วนขนาดของประตู ถ้าประตูเปรียบเสมือน “ปาก” ปากที่ดีควรมีขนาดที่พอดีกับสิ่งปลูกสร้าง ไม่ใหญ่จนเกินไป หรือเล็กจนเกินไป

ประตูที่ใหญ่ไม่สามารถกักเก็บพลังชี่ได้ ต้องเข้าใจอย่างแรกว่า ปัจจุบันอะไรๆ ก็ทันสมัยมากขึ้น ร้านค้าส่วนใหญ่ล้วนมีแอร์กันทังนั้น

ตามหลักการออกแบบประตู ประตูที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวอาคาร เป็นประตูที่ไม่สามารถกักเก็บอากาศได้ ทำให้สิ้นเปลืองค่าไฟ อีกทั้งฝุ่นควันที่เข้ามาง่าย ทำให้สินค้าภายในร้านไม่สะอาดสะอ้าน ต้องทำความสะอาดบ่อย

ส่วนประตูที่เล็กเกินไป ไม่ดึงดูดให้ลูกค้าเข้าร้าน เพราะนอกจากจะไม่เห็นเด่นชัด แลัวยังไม่น่าเข้าอีก

ส่วนเรื่องของการเปิดปิดประตู ก็มีการถกเถียงกันมาก ว่าควรเปิดประตูโดยการผลักหรือการดึง แต่ถ้าอธิบายในเชิงจิตวิทยาแล้ว ประตูที่ดีที่สุดต้องเป็นประตูผลักเข้า เพราะถูกต้องตามสรีระวิทยา มนุษย์ต้องเดินไปข้างหน้า การที่ทำประตูให้ผลักเข้าเพื่อตอบรับโจทย์ข้อนี้ ทำให้ลูกค้ารู้สึกเป็นกันเองตั้งแต่เปิดประตูเข้ามา

ผมเคยทดลองเรื่องนี้อยู่เสมอๆ เมื่อพาเพื่อนๆ ไปร้านขายหนังสือหน้าปากซอย ซึ่งเป็นร้านที่เปิดประตูกระจกโดยการดึง แต่เพื่อนทุกคนมักถนัดการผลัก

สิ่งที่ตามมาคือทุกคนมักผลัก และมักจะมีเสียงสะดุดของประตูที่เปิดไม่ได้ ทำให้ทุกคนเสียจังหวะเวลาเข้าร้าน มีผลทำให้เพื่อนๆ เกือบทั้งหมดที่ไปกับผม ซื้อการ์ตูนน้อยลง แม้ทางร้านจะเป็นร้านขายส่ง ราคาถูกกว่าท้องตลาดก็ตาม

ด้วยเหตุนี้เองจึงมีการนำประตูอัตโนมัติมาใช้ เพื่อความสะดวกสบายขึ้น และตอบโจทย์ตามหลักฮวงจุ้ย เพื่อถูกหลักทางการออกแบบด้วย